ถิ่นกำเนิดเริ่มแรกของสะเดาอยู่ในรอบๆประเทศพม่าและก็อินเดียแล้วมีการกระจัดกระจายจำพวกไปในป่าแล้งแถบในประเทศ ประเทศปากีสถาน ศรีลังกา มาเลเซีย อินโดนีเซีย แล้วก็ไทย สำหรับในประเทศไทยมีเขตผู้กระทำระจายตามธรรมชาติเป็นป่าเบญจพรรณแล้งและก็ป่าเต็งทั้งประเทศ ดังนี้ในภาวะธรรมชาติไม้สะเดายังสามารถเติบโตในแคว้นที่ มีอากาศร้อนเปียกชื้น ที่มีอุณหภูมิสูงได้ถึง 44 องศาเซลเซียส ที่ระดับความสูง 50 – 1,500 เมตรจากระดับน้ำทะเล และก็สามารถขึ้นได้ในภาวะดินที่มีความแห้งดินหิน และก็ดินเหนียว
ผลดีทางด้านของกิน ชาวไทยนิยมบริโภคสะเดาเป็นผัก โดยดอกแล้วก็ยอดอ่อนเอามาลวกปิ้งไฟ หรือต้มให้สุก ใช้จิ้มน้ำพริก หรือบริโภคเป็นสะเดาน้ำปลาหวาน โดยสะเดาเป็นผักที่มีแคลเซียมสูงสุดเป็นชั้น 3 มีธาตุเหล็กสูงสุดเป็นชั้น 4 มีใยอาหารสูงเป็นชั้น 3 และก็มีเบตาแคโรทีนสูงเป็นชั้น 5 ในบรรดาผักทั้งสิ้น
คุณประโยชน์ด้านความเชื่อถือ/ศาสนา แขกฮินดูมั่นใจว่าสะเดาฯลฯไม้ศักดิ์สิทธิ์ มีพิธีบูชาต้นสะเดาอยู่หลายพิธีการ และการนำสะเดาไปประกอบพิธีต่างๆอีกเยอะมาก โยคีบางพวกใช้กิ่งสะเดาทิ่มที่หูเหมือนต่างหู เนื่องจากว่ามั่นใจว่าช่วยทำให้เข้าถึงทวยเทพเทวดาได้ง่ายมากยิ่งขึ้น สำหรับคนประเทศไทยเมื่อก่อนจัดว่าสะเดาฯลฯพืชที่มีความมงคลที่เหมาะสมปลูกไว้ในรอบๆบ้าน โดยกำหนดให้ปลูกทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของตัวบ้าน ยิ่งไปกว่านี้ยังมั่นใจว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเคยประทับใต้ต้นสะเดาอีกด้วย
สะเดาจัดเป็นพันธุ์พืชขนาดกึ่งกลางถึงกับขนาดใหญ่ สูงราว 20-25 เมตร ลักษณะเรือนยอดเป็นพุ่มไม้แน่นหนาทั้งปี มีระบบระเบียบรากที่แข็งแรงกว้างใหญ่แล้วก็หยั่งลึก กาบไม้ออกจะดก สีน้ำตาลเทาหรือเทาผสมดำ แตกเป็นร่องตื้นๆหรือเป็นสะเก็ดยาวๆเยื้องสลับกันไปตามความยาวของลำต้นเปลือกของกิ่งค่อนข้างจะเรียบ
แก่นไม้ มีสีแดงเข้มผสมน้ำตาล เศษไม้ค่อนข้างจะงงงวยเป็นริ้วๆ แคบ เนื้อหยาบคายเป็นเงา เลื่อม แข็งคงทน แกนมีสีน้ำตาลปนแดง
ใบ มีสีเขียวเข้มแน่นหนา ออกเป็นช่อแบบขน ยาว 15-40 ซม.มีใบย่อย 4-7 คู่ ขอบของใบหยักนิดหน่อยหรือเกือบจะเรียบการจัดตัวของใบแบบสลับ ใบย่อยเรียงหน้าแบบตรงกันข้าม ในพื้นที่ที่แล้งจัด จะทิ้งใบเฉพาะข้างล่างๆโดยประมาณมกราคม ถึงมี.ค. และก็ใบใหม่จะผลิขึ้นมาอย่างเร็วในตอนมีนาคมจนกระทั่งเดือนเมษายน ระยะนี้สะเดาจะแทงยอดอ่อนพุ่งขึ้นอย่างเร็ว