ถิ่นกำเนิดดาวเรือง
ดอกดาวเรืองนั้นมีประวัติที่ไปที่มาที่ช้านาน โดย ดาวเรืองมีถิ่นเกิดอยู่ที่เม็กซิโก ถัดมามีคนนำเข้าไปปลูกลงในแถบประเทศในทวีปยุโรปแล้วก็ทวีปเอเชียใต้รวมทั้งเอเซียอาคเนย์ ซึ่งปัจจุบันนี้เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของหลายประเทศ เช่น อียิปต์ ฮังการี ประเทศสเปน ประเทศฝรั่งเศสเหลวประเทศในแถบอเมริกาใต้ ฯลฯ โดยคนภายในทวีปเอเชียใต้จะใช้ดอกดาวเรืองสำหรับระกอบพิธีทางศาสนาฮินดู ส่วนในเอเซียอาคเนย์จะใช้บูชา ทางพุทธรวมทั้งพิธีการมงคลต่างๆแม้กระนั้นในประเทศเม็กซิโกดอกดาวเรืองนั้นจะใช้ในเทศกาลวันที่ความตาย คนนิยมใช้ดอกดาวเรืองบูชาแท่นพระแม่มารี ดอกไม้จำพวกนี้ก็เลยถูกเรียกว่า Mary’s gold ตามสีนั่นเอง ถัดมาก็เลยเรียกกันบ้าไปเป็น Marigolds ดาวเรืองไม่ใช่มีคุณประโยชน์เพียงแค่การบูชาเพียงแค่นั้น มันยังถูกเอาไปใช้ ปลูกเป็นไม้ประดับอีกด้วย ในการปลูกภายในเมืองไทยในอดีตกาลนั้นยังไม่มีหลักฐานที่แน่ๆ แม้กระนั้นพบว่ามีหลักเริ่มมีการนำเข้าเมล็ดพันธุ์มาปลูกคราวแรก ในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในปี 2510 จากเนเธอร์แลนด์เพียงแค่นั้น
ลักษณะทั่วไปดาวเรือง
ต้นดาวเรือง จัดเป็นไม้ล้มลุก แก่โดยประมาณ 1 ปี ลำต้นตั้งชันมีความสูงโดยประมาณ 30-100 ซม. แตกกิ่งก้านมากมายที่โคนต้น ลำต้นเป็นสีเขียวรวมทั้งเป็นร่อง ทั้งยังต้นเมื่อเอามาขยี้จะมีกลิ่นเหม็น ก็เลยทำให้แมลงไม่ค่อยมารบกวนและก็จัดเป็นพืชพันธุ์ไม้ที่โล่งแจ้ง
ใบ มีลักษณะเป็นใบประกอบเหมือนขน ปลายคี่ (odd-pinnate) เรียงหน้าตรงกันข้าม มีใบย่อยโดยประมาณ 11 – 17 ใบ ใบยาว 4-11 เซนติเมตร กว้าง 1 – 1.5 ซม. ใบมีรอยเว้าลึกถึงก้านใบ ใบย่อยมีลักษณะเรียวยาวเป็นรูปหอก ปลายแหลม
ดอกดาวเรือง มีดอกเป็นดอกคนเดียวตามปลายยอด ดอกเป็นสีเหลืองสดหรือสีเหลืองผสมส้ม กลีบมีขนาดใหญ่เรียงทับกันหลายชั้นเป็นวงกลม มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางดอกราว 5-10 ซม.และก็ยาวโดยประมาณ 1.5-2 ซม. ปลายกลีบเป็นฟันเลื่อย มีเกสรเพศผู้ 5 ก้านโดยดอกจะแบ่งได้ 2 ลักษณะเป็นดอกวงนอกมีลักษณะเหมือนลิ้นหรือเป็นรูปรางน้ำทับกันแน่น บานแบออกปลายม้วนลง มีเยอะมาก เป็นดอกที่ไม่สมบูรณ์เพศ โคนกลีบเป็นหลอดเล็ก ส่วนดอกวงในเป็นหลอดเล็กอยู่กึ่งกลางช่อดอก มีจำนวนไม่น้อยรวมทั้งเป็นดอกแบบบริบูรณ์เพศ ส่วนกลีบเลี้ยงดอกเป็นสีเขียวเชื่อมชิดกันห่อโคนช่อดอก ก้านยกดอกยาว
เม็ดเม็ดมีลักษณะเรียวยาว แล้วก็มีหางเม็ดมีขนาด เม็ดออกจะใหญ่เมื่อเทียบกับเม็ดพืชดอกจำพวกอื่น
ข้อแนะนำและข้อควรระวัง
สำหรับเพื่อการบริโภคดอกดาวเรืองเพื่อได้สารต่างๆที่มีคุณประโยชน์ทางยานั้น จะเป็นการบริโภคดอกดาวเรืองที่ตากแห้งแค่นั้น ไม่สมควรนำดอกดาวเรืองใหม่ๆมาบริโภคเนื่องมาจากยังไม่พบว่ายังไม่มีที่ไหนในโลกที่ใช้ดอกดาวเรืองสามารถบริโภค เนื่องจากว่าบางทีอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อคนซื้อได้ ทั้งยังสำหรับการบริโภคในตอนนี้บางทีอาจยังไม่มีการกำหนดแน่นอนว่าควรจะบริโภคดอกดาวเรืองแห้งปริมาณเท่าไรต่อวัน ด้วยเหตุนี้ก็เลยไม่สมควรบริโภคมากจนเกินความจำเป็นและไม่ควรจะบริโภคติดต่อกันเป็นเวลานานเกินความจำเป็นรวมทั้งคนที่มีลักษณะของโรคตับ โรคไต ไม่สมควรบริโภคเพราะเหตุว่าอาจจะก่อให้ตับรวมทั้งไตทำงานมากเหลือเกิน นอกนั้น สตรีที่ให้นมลูกก็ควรจะเลี่ยงการบริโภคเช่นเดียวกันเนื่องจากบางทีอาจทำให้เกิดผลเสียไปถึงลูกได้